ในปี พุทธศักราช 2129 พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง ทรงแค้นเคืองที่จำต้องปราชัยต่อ สมเด็จพระกษัตริย์ฯ อย่างสั้นๆยยับ ทั้งยังจะต้องเสียไพร่พลรวมทั้งพระสิริโฉม ก็เลยระบายความแค้นนั้นไปที่องค์พระทองกัลยา เมื่อ สมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชพ่อรู้ความก็ให้โศกเศร้าด้วยสำนึกว่าเคราะห์กรรมของพระราชธิดาแล้วก็แผ่นดินอยุธยาที่ถูกกระทำการเหยียบยีก็ด้วยเพราะเหตุว่าท่านทรงหักหลังไปเข้าข้างศัตรู กระทั่งตรอมตรมใจเสด็จสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระกษัตริย์ฯ ทรงมีพระชนมายุ 31 ปี ก็เลยเสด็จขึ้นเสวยราชย์ครองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อจากพระราชพ่อ สมเด็จพระมหาธรรมราชา หรือ (สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์ที่ 1)
ข่าวสารการเปลี่ยนแผ่นดินของกรุงศรีอยุธยาทราบไปถึง พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง ที่กรุงหงสาวดี พระผู้เป็นเจ้านันทบุเรง โอรสในพระผู้เป็นเจ้าบุเรงท่วม สำคัญว่าอาณาจักรไทย หรืออาณาจักรอยุธยาจะไม่เป็นปกว่ากล่าวสุขเป็นช่องเชิญชวนชิงเชิง ก็เลยโปรดให้พระราชลูก พระมังสามเกียด หรือ(พระมังกะยอขวาที่ 1) พระมหาอุปราชเจ้าวังหน้ากรีฑากองทัพไปตีกรุงศรีอยุธยาอีกคำรบ นำกองทัพทหาร 240,000 นาย (สองแสนสี่หมื่นนาย) มาตีกรุงศรีอยุธยาหมายจะชนะศึกในคราวนี้ สมเด็จพระกษัตริย์ ทรงรู้ว่า ประเทศพม่าเคลื่อนทัพใหญ่มาตี ก็เลยทรงจัดแจงไพร่พล มีกำลัง 100,000 นาย (หนึ่งแสนนาย) เดินทางออกจากบ้านป่าโมก จังหวัดอ่างทองไปสุพรรณ ผ่านน้ำตรงท่าท้าวอู่ทองคำ จังหวัดลพบุรี แล้วก็ตั้งแคมป์หลวงรอบๆหนองสาหร่าย